“อาไท กลมกิ๊ก” ตั้งเป้าก่อนอายุ 30 ครอบครัวต้องสบาย เล่าย้อนวัยเด็ก ‘ไข่ฟองเดียว’ กิน…
“นุ๊ก สุทธิดา” ยันสัมพันธ์ “ฮากีม” ยังแฮปปี้ สามีย้ายมาอยู่ไทยถาวรแล้ว
“เข็ม ลภัสรดา” ยันไม่รู้เรื่อง หลังมีชื่อเอี่ยวเป็นเพื่อนสาวโยงมือที่สาม “หนิง – จิน” ลั่นให้ทุกคนเค…
เป็นทายาทตลกที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก สำหรับ “อาไท – สุภทัต โอภาส” หรือ “อาไท กลมกิ๊ก” ที่เดินตามรอยพ่อ “บุญชู เชิญยิ้ม” เข้าวงการตลกและวงการบันเทิง ด้วยความขยันบวกกับเจ้าตัวที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นคนดูแลครอบครัว ซึ่งล่าสุดก็ได้ควักเงินจากน้ำพักน้ำแรงซื้อบ้านหลังแรกในชีวิตสำเร็จ
โดย “อาไท” ได้มาเปิดใจในรายการแฉ เล่าถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อครอบครัวและเล่าย้อนวัยเด็กที่ผ่านความลำบากมาไม่น้อย
“พ่อผมทำหลายอย่าง เป็นตลก นักแสดงเอ็กตร้า สตั้นท์แมน ผู้กำกับหนังอีโรติกเขาก็ทำ อะไรที่ทำได้ก็ทำหมดเพราะเขาไม่มีเงิน พ่อเคยไปเป็นการ์ดหน้าผับอยู่พักนึง ผมจำได้เลยว่าผมไม่เจอพ่อเลย เพราะเขากลับมาตอนเช้าซึ่งผมไปโรงเรียนแล้ว กลับมาตอนเย็นพ่อก็ไปทำงานแล้ว ซึ่งจริงๆ พ่อผมเป็นตลกก่อนแต่ตอนนั้นตลกไม่ค่อยมีงาน พอยุคคาเฟ่หมดตลกก็เหมือนแพแตกจากที่เคยได้เงินทุกวันก็ไม่มี
ผมไม่เคยรู้สึกว่าความจนมันลำบาก เพราะผมชินกับมันตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แล้วผมก็พูดกับทุกคนว่าผมจะไม่พาครอบครัวและตัวผมไปอยู่ในจุดนั้นอีกแล้ว เมื่อก่อนก็เช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ ไม่จ่ายค่าเช่าเขาก็ไล่ ผมจำได้ว่าผมเคยลงรถตู้หลังกลับจากเล่นตลกถึงบ้านประมาณ 4-5 ทุ่ม เขามายืนหน้าห้องรอเลยให้ออก ตอนนั้นผมกับพ่อเล่นตลกด้วยกัน
ผมเริ่มเล่นตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง จนถึงทุกวันนี้ ตลกคืออาชีพหลักของผมเลย ครอบครัวผมมี 5 คน พ่อ แม่ พี่สาว ผม น้องสาว จำได้ว่าในห้องมีพัดลม 2 ตัว ช่วงนั้นอาหารที่มีความสุขที่สุดคือ ‘ปลากระป๋อง’ เพราะมือเย็นเราจะได้มา 1 กระป๋องจากผู้ใหญ่แถวบ้านที่เมตตา ส่วนมื้อเช้าจะมีไข่ต้ม 1 ฟองที่จะกินกัน 4 คน ตอนนั้นน้องสาวยังไม่เกิด ผมจำได้อีกว่าช่วงที่ครอบครัวไม่มีเงิน แล้วแม่ไม่มีเงินซื้อนมผงให้น้องสาวผม เขาต้องเอานมกระป๋องมาผสมน้ำต้มให้น้องกิน ณ ตอนนั้นผมก็มีความสุขนะ เพราะไม่ได้มีบรรทัดฐานว่าความลำบากคืออะไร อะไรคือไม่มี อะไรคือรวย อันนั้นเราไม่รู้ ใช้ชีวิตวันต่อวันแบบมีความสุข
จนวันนึงผมก็ตั้งใจว่าผมอยากให้ครอบครัวสบายที่สุดในวันที่ผมยังมีแรง แล้วผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำงานได้ถึงเท่าไหร่ เลยตั้งเป้าไว้ว่าอายุ 30 ทุกอย่างต้องเคลียร์หมดแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะอายุยืนเท่าไหร่ แต่หลังจากอายุ 30 ทุกคนต้องมีทุกอย่างแล้ว วันนี้ผมอายุ 22 ปี ผมซื้อบ้านแล้ว
ตอน 3 ขวบครึ่ง ผมเริ่มเล่นตลกอยู่กับ ‘คณะดักแด้ เชิญยิ้ม’ กับคณะพ่อผม ‘บุญชู เชิญยิ้ม’ ผมเริ่มจากการเล่นแบบท่องจำ ผมเองก็ชอบดูตลกตั้งแต่เด็ก ผมไปพูดหน้ากระจกจนพ่อเห็นว่าผมเอามุกตลกมาพูดก็เลยเอาไปเล่นที่เวทีเลย พระรามเก้าคาเฟ่คือเวทีแรกของผม มุกตลกผมก็จำมาจากผู้ใหญ่อีกที แต่ก็มีเอามาดัดแปลงให้เข้ากับปัจจุบัน ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวเลยว่าตลกคืออาชีพที่เราทำได้และเป็นสิ่งที่พ่อสามารถถ่ายทอดให้เราได้ พ่อเขาเคยพูดกับผมว่า ‘พ่อมีอาชีพเป็นตลก สิ่งที่ถ่ายทอดให้ลูกได้คือตลก ไม่สามารถถ่ายทอดอย่างอื่นให้ได้ เพราะมีความรู้คือตลก’ครับ”คำพูดจาก เว็บสล็อตแท้
ขอบคุณ IG arethai
ขอบคุณ รายการแฉ